Page 18 - CAT CLUB
P. 18

KNOWLEDGE            โดย : รู้รอบ

























        ที่มาของการ



        “ตั้งชื่อเดือนไทย”



              ตามหลักปฏิทินนั้น 1 ปี จะมี 12 เดือน ซึ่ง
              การเรียกและการใช้งานในแต่ละเดือนนั้นก็มี
        ความแตกต่างกันไป โดยมีทั้งเดือนแบบสากล และเดือน
        แบบไทย ซึ่งการเรียกชื่อเดือนแบบสากลนั้น บ้างก็ว่า
        มีต�านานการเรียกตามชื่อเทพเจ้าของกรีกและโรมัน
        ทั้ง 12 องค์ แล้วคุณเคยสงสัยหรือไม่ว่า ชื่อเดือนที่คนไทย  ปฏิทินไทยใช้ตามสุริยคติ ซึ่งนับวันและเดือนแบบสากล โดยทรงใช้ต�าราจักรราศี
        ใช้กันทั้ง 12 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือน  หรือการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ใน 1 ปี ประกอบด้วย 12 ราศี ตามวิชา
        ธันวาคมนั้น มีประวัติความเป็นมาอย่างไร
                                                          โหราศาสตร์มาใช้ก�าหนดชื่อเดือนทั้ง 12 เดือน โดยการแบ่งเดือนที่มี 30 วัน ให้ลงท้าย
                                                          ด้วย “ยน” และเดือนที่มี 31 วัน ให้ลงท้ายด้วย “คม” ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายรัชกาลที่ 5
        ผู้ที่ตั้งชื่อเดือนไทยทั้ง  12  เดือน  ก็คือ  “สมเด็จ   จากนั้นทรงโปรดเกล้าฯ ให้ใช้เป็นประเพณีบ้านเมืองตั้งแต่ พ.ศ. 2432 เรียกว่า
        พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ”        “เทวะประติทิน” และในสมัยรัชกาลที่ 6 ทรงใช้ค�าว่า “ปฏิทิน” แทน ต่อมาในปี
        ทรงเป็นพระราชโอรสล�าดับที่ 42 ในพระบาทสมเด็จ      พ.ศ. 2456  สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้ก�าหนดให้วันที่ 1 มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่
        พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  (รัชกาลที่  4)  กับสมเด็จ   และเริ่มใช้วันขึ้นปีใหม่แบบสากล ในปี พ.ศ. 2484
        พระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา (เจ้าจอมมารดาเปี่ยม)
        พระองค์ทรงสนพระทัยเรื่องของโหราศาสตร์เป็นพิเศษ    ส่วนค�าน�าหน้านั้นมาจากชื่อราศีที่ปรากฏในช่วงเวลานั้นๆ เป็นการน�าค�าในภาษาบาลี
        อาจเป็นเพราะทรงได้รับอิทธิพลทางความคิดเกี่ยวกับ   สันสกฤต 2 ค�ามา “สมาส” กัน โดยค�าต้นเป็นชื่อราศี ส่วนค�าหลังคือค�าว่า “อาคม”
        โหราศาสตร์จากพระราชบิดา เรื่องราวที่พระองค์ทรง    และ “อายน” ซึ่งแปลว่า “การมาถึง” โดยเริ่มตั้งแต่...
        ศึกษาค้นคว้านั้น มีความเกี่ยวพันกับการตรวจตรา
        ตรวจสอบดูปฏิทินด้วย เพราะต้องเรียนรู้การค�านวณ
        วัน เดือน ปี โดยตรง ขณะนั้นปฏิทินยังคงใช้ตามแบบ   มกราคม   คือ มกร + อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีมังกร (มังกร)
        “จันทรคติ” การนับ วัน เดือน ปี ถือการโคจรของดวงจันทร์  กุมภาพันธ์  คือ กุมภ์ + อาพนธ แปลว่า การมาถึงของราศีกุมภ์ (หม้อ/คนโท)
        เป็นหลัก ต่อมาจึงมีวิธีนับวัน เดือน ปี ตามการหมุนเวียน  มีนาคม   คือ มีน + อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีมีน (ปลา)
        ของโลกรอบดวงอาทิตย์ ที่เรียกว่า “สุริยคติ”    เมษายน   คือ เมษ + อายน แปลว่า การมาถึงของราศีเมษ (แกะ)
                                                      พฤษภาคม  คือ พฤษภ + อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีพฤษภ (วัว โค)
        โดยเมืองไทยประกาศใช้ปฏิทินแบบใหม่ตามสุริยคติอย่าง  มิถุนายน   คือ มิถุน + อายน แปลว่า การมาถึงของราศีมิถุน (ชายหญิงคู่)
        เป็นทางการ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า   กรกฎาคม   คือ กรกฎ + อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีกรกฎ (ปู)
        เจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) แม้เราจะใช้ปฏิทินตามสุริยคติ    สิงหาคม   คือ สิงห + อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีสิงห (สิงห์)
        แต่ทางจันทรคติเราก็ยังใช้ควบคู่กันไปด้วย ดังนั้น    กันยายน   คือ กันย + อายน แปลว่า การมาถึงของราศีกันย (สาวพรหมจารี)
        เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงจากจันทรคติที่นับตั้งแต่เดือนอ้าย    ตุลาคม    คือ ตุล + อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีตุล (ตาชั่ง ตราชู)
        เดือนยี่ จนมาถึง เดือนสิบสอง มาเป็นแบบสุริยคติ จึงได้   พฤศจิกายน คือ พิจิก, พฤศจิก + อายน แปลว่า การมาถึงของราศีพิจิก (แมงป่อง)
        มีการก�าหนดชื่อเดือนขึ้นมาใหม่ โดยสมเด็จพระเจ้า   ธันวาคม   คือ ธนู + อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีธนู (ธนู)
        บรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ทรงเป็นผู้คิด

                                                  ภาพ :   http://lovesiamoldbook.tarad.com
        18   |   CAT CLUB   |   JULY 2018
   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23